BTS ศิลปิน K-Pop ระดับโลก ผู้เชิดชูเกียรติภูมิ “เกาหลีใต้”
ผู้แทนประธานาธิบดีพิเศษสำหรับคนรุ่นใหม่และวัฒนธรรม
Welcome Generation
Welcome Generation คือชื่อที่เหมาะสมกับเยาวชนคนรุ่นใหม่ในยุคนี้มากกว่าชื่อ Lost Generation หมายความว่าเจเนอร์เรชันนี้คือเจเนอร์เรชันที่ ‘Welcome’ และให้เราก้าวเดินออกไปข้างหน้า แทนที่จะหวาดกลัวการเปลี่ยนแปลงครับ
Jin of BTS
ตลอดช่วงที่ผ่านมา BTS สื่อสารกับเยาวชนและผู้คนมากมายที่ใช้ชีวิตอยู่ในยุคปัจจุบัน ผ่านงานเพลง, การแสดง และสิ่งที่พวกเราทำได้ แต่เราเองก็คำนึงอยู่ตลอดว่าจะตอบแทนความรักที่ได้รับมาและมอบหลายสิ่งหลายอย่างไปพร้อม ๆ กันในรูปแบบใดที่ไม่ใช่านเพลงและการแสดง ซึ่งพวกเราก็ได้รับโอกาสอันดีงามนี้จากท่านประธานาธิบดี พวกเราจะทำหน้าที่ทูตพิเศษนี้ให้เต็มที่และสมเกียรติครับ หลังจากที่ทำภารกิจจนสำเร็จลุล่วงโดยอาศัยความมุ่งมั่นของคนรุ่นใหม่เหมือนอย่างเคย พวกเราก็จะกลับมาอีกครั้ง ขอขอบคุณที่มอบหมายภารกิจนี้ให้กับพวกเราครับ”
แม้ในสถานการณ์ที่เกินความคาดหมาย หากเราเชื่อในความเป็นไปได้ และมีความหวังเราก็จะไม่หลงทาง และค้นพบกับหนทางใหม่ ๆ ครับ หนทางที่เราเลือกอาจไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีสิ่งที่เราทำได้หรอกครับ ผมว่าสิ่งที่สำคัญคือหนทางที่เราเลือกในยามที่เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงต่างหากครับ มีหลายคนสงสัยว่าพวกเราฉีดวัคซีนแล้วหรือยังหลังจากได้ข่าวว่าเราจะมาที่ UN ผมจึงขอใช้โอกาสนี้เพื่อบอกว่าเราทั้งเจ็ดคนฉีดวัคซีนกันแล้ว ผมคิดว่าการฉีดวัคซีนเป็นเหมือนตั๋วให้เราได้มาพบกับแฟน ๆ ที่รอคอยพวกเรา และเป็นตั๋วที่เราต้องจ่ายเพื่อมายืนอยู่ ณ ที่แห่งนี้
เราคิดว่าโลกหยุดหมุนไป แต่จริง ๆ แล้วมันกำลังเดินหน้าไปทีละนิด ผมเชื่อว่าทุกตัวเลือกคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่จุดจบแต่อย่างใด ในโลกที่กำลังเริ่มต้นขึ้นใหม่ ขอให้ทุกคนได้เอ่ยถึงกันและกันว่า ‘Welcome!’ ครับ”
พวกเราไม่ใช่เจเนอร์เรชันแห่งการสูญเสียเพราะโควิด (Corona Lost Generation) แต่เป็นเจเนอร์เรชันแห่งการต้อนรับ (Welcome Generation) ผมอยากให้พวกเราค่อย ๆ พยายามหาทางออกกันไปทีละนิดและมุ่งหน้าสู่อนาคตที่ดีกว่าไปด้วยกันครับ”
https://youtu.be/9SmQOZWNyWE
“ผมคิมนัมจุน ลีดเดอร์จากวง BTS ครับ ผมเกรงว่าเสียงเฮลิคอปเตอร์จะทำให้ไม่ได้ยินเสียงผม เพราะฉะนั้นเดี๋ยวผมจะพูดให้ดังหน่อย ก่อนอื่นเลย พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทันเป็นสถานที่ที่ในนิวยอร์กที่ผมชอบมาก ๆ เลยล่ะครับ เมื่อ 2 ปีก่อนผมก็เคยมาที่นี่และถ่ายรูปเอาไว้ด้วย ในวันที่อากาศดีเป็นพิเศษแบบนี้ ผมรู้สึกเป็นเกียรติมาก ๆ ที่ได้มายืนพูดแบบนี้อยู่ข้าง ๆ ผลงานของคุณอเล็กซ์ซานเดอร์ คาลเดอร์ที่ผมชื่นชอบ จริง ๆ วิวทิวทัศน์ที่นี่มันทำให้ผมลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าผมจะพูดอะไร แต่ผมก็จะลองพูดดูนะครับ
พอครั้งนี้ผมได้มาที่นี่ผ่านภารกิจอย่างเป็นทางการมันทำให้ผมใจเต้นรัวเลยล่ะครับ ระหว่างที่ได้เดินชมพิพิธภัณฑ์กับท่านสุภาพสตรี [คิมจองซุก] และแขกผู้มาร่วมงาน ใจผมรู้สึกท่วมท้นและคิดอะไรหลายต่อหลายอย่าง โดยเฉพาะการได้มาชมห้องจัดแสดงศิลปะเกาหลี ถึงนครนิวยอร์ก เมืองที่ผู้คนทั่วโลกอยากมาเยือน และเป็นเสมือนนครเมกกะแห่งศิลปะนั้น เป็นมีความหมายกับผมและทำให้ผมรู้สึกแปลกใหม่มาก ๆ ครับ
ผมคิดว่าเรามายืนอยู่ตรงนี้ได้เพราะผู้คนจำนวนมากที่พยายามทำให้ความยิ่งใหญ่ของวัฒนธรรมเกาหลีเป็นที่รับรู้ โดยเฉพาะในครั้งนี้ที่ทางเรา [ตัวแทนจากประเทศเกาหลี] ได้มอบผลงานจากศิลปินเกาหลีให้นั้นนับเป็นเกียรติอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับผมผู้ชื่นชอบในงานศิลปะ และเป็นแฟนคลับของศิลปินเกาหลีอย่างยิ่งครับ มีผู้คนจำนวนมากเลยครับที่ได้แสดงความสามารถทั้งในด้านวัฒนธรรมเกาหลี, เพลง K-Pop และภาพยนตร์เกาหลี แต่ก็ยังมีศิลปินเก่ง ๆ ในเกาหลีที่ยังไม่เป็นที่รู้จักอีกมากที่กำลังมุ่งมั่นสร้างผลงานกันอยู่ เราในฐานะทูตสำหรับคนรุ่นใหม่และวัฒนธรรมผู้เป็นตัวแทนเกาหลีจะพึงระลึกในหน้าที่นี้เพื่อต่อยอดความยิ่งใหญ่และศักยภาพของวัฒนธรรมเกาหลียิ่งขึ้นออกไปให้กว้างไกลยิ่งขึ้น และจะตั้งใจทำงานต่อไปครับ สำหรับผมแล้วที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทันแห่งนี้เป็นที่ที่มีผลงานที่ผมชื่นชอบเป็นการส่วนตัวอยู่เยอะมาก ๆ ในครั้งหน้าผมจึงอยากจะกลับมาที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน เพื่อชมผลงานที่ยอดเยี่ยมของห้องจัดแสดงศิลปะเกาหลีและของพิพิธภัณฑ์นี้ในฐานะคิมนัมจุนอีกครั้งครับ ขอขอบคุณอีกครั้งครับ”
Jung Kook เผยความรู้สึกที่ได้ทำภารกิจในฐานะผู้แทนประธานาธิบดีพิเศษฯ “ผมยังไม่อยากจะเชื่อเลยครับว่าเราได้กล่าวสุนทรพจน์และทำการแสดงไป บทบาททูตพิเศษทำให้รู้สึกเหมือนเวลาหยุดลง ผมถือว่าการแต่งตั้งครั้งใหม่นี้เป็นสัญญาณของความหวังและความก้าวหน้า ซึ่งมีความหมายกับผมมาก ๆ และทำให้ผมมีความสุขครับ”
RM กล่าวถึงคนรุ่นใหม่ว่าจะสามารถรับมือกับปัญหาสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างไร “พอได้เห็นคนรุ่นใหม่พกกระบอกน้ำไปไหนมาไหน มันทำให้พวกผมรู้สึกว่าคนหนุ่มสาวเยาวชนรับมือกับปัญหานี้ได้ดีกว่าเราเสียอีก ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ครับ ผมเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ จะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ เริ่มจากรีไซเคิลให้ถูกต้อง ตระหนักถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ซ้ำไม่ได้ และการใช้กระบอกน้ำครับ”
j-hope กล่าวถึงสิ่งที่วงอยากทำมากที่สุดหลังสถานการณ์โควิดจบลง “ผู้คนจำนวนมากจะได้รับวัคซีนและสภาพแวดล้อมจะเอื้อให้จัดคอนเสิร์ตได้อย่างปลอดภัย มันคือสิ่งที่แฟน ๆ และเราต้องการครับ”
Jin กล่าวถึงแฟน ๆ ที่ลังเลกับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด “เราเข้าใจผู้คนที่หวาดกลัวการฉีดวัคซีนกันเพราะมันคือการเปลี่ยนแปลง การรอบคอบต่อสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ครับ แต่ถ้าเราหวาดกลัวกับสิ่งเป็นเรื่องของอดีต เราคงไม่มีทางพัฒนาไปข้างหน้าได้ เราต้องมองวัคซีนในแง่บวกมากขึ้นเพื่อสร้างอนาคตที่ดียิ่งขึ้นครับ”
Jimin เล่าว่าสถานการณ์โควิดทำให้พวกเขาเสียสุขภาพจิตอย่างไร “ผมเกิดความคิดในแง่ลบและตั้งคำถามต่อเป้าหมายในชีวิต ผมหวังว่าสถานการณ์โควิดจะสิ้นสุดลงไว ๆ และหวังว่าเราจะได้ทำการแสดงคอนเสิร์ตซึ่งเป็นสิ่งที่เรารักไว ๆ ครับ”
j-hope เล่าว่ารู้สึกเหมือนโควิดได้พรากอิสระไป “โหยหาเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน เวลาเราเดินทางหรือไปทัวร์ ผู้คนจะมารวมตัวพูดคุยกับเรา มันเป็นช่วงเวลาที่ผมได้รับเอเนอร์จี้ครับ”
Jin “เราพลาดหลายอย่างในชีวิตประจำวันไป สมัยก่อนผมมักดื่มโซจูเวลากินคุกปับ (국밥 ข้าวใส่น้ำซุป) กับ SUGA หลังเลิกงาน สำหรับเรา ช่วงเวลาเล็ก ๆ แบบนี้ทำให้พวกเรามีความสุขมากเหลือเกิน”
V เล่าว่าสิ่งที่ท้าทายที่สุดคือการที่ไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับแฟน ๆ “สิ่งที่สำคัญที่สุดคือแฟน ๆ ที่เชื่อมั่น, สนับสนุน และยอมรับในตัวเราทุกอย่าง เราไม่ได้สบตากับอาร์มี่ของเรามาเกือบ ๆ 1 ปีครึ่ง-2 ปีแล้ว พอไม่ได้เห็นหน้ากันจริง ๆ ผมจึงคลางแคลงใจขึ้นมาและถามตัวเองว่ามีอาร์มี่อยู่จริง ๆ หรือเปล่า พวกเขายังอยู่ไหม ผมคิดถึงสิ่งเหล่านี้ที่สุดครับ”
Jung Kook กล่าวความรู้สึกโหยหาการทำการแสดงต่อหน้าแฟน ๆ “ผมเล่นคอนเสิร์ตได้ทั้งวันมากกว่าถ่ายโฟโต้ชู้ตหรือวาไรตี้ สถานการณ์นี้จึงเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดสำหรับผม”
j-hope กล่าวถึงแคมเปญ ‘Youth Today, Your Stories’ ที่พวกเขาถามไถ่ไปยังเยาวชนคนรุ่นใหม่ทั่วโลกว่า 2 ปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไร และกำลังใช้ชีวิตในโลกปัจจุบันอย่างไร “เราสื่อสารอย่างต่อเนื่องและค้นพบว่าเยาวชนคนรุ่นใหม่กำลังโฟกัสกับอะไร”
RM แสดงความเห็นในฐานะศิลปินชายล้วนที่มีแฟน ๆ ผู้หญิงจำนวนมากและอยู่ในสังคมชายเป็นใหญ่ เรื่องการให้การศึกษาแก่สตรีและความเท่าเทียมทางเพศซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) “ส่วนตัวแล้วเมื่อปี 2015-2016 และหลายปีที่แล้ว ผมได้รับเสียงติติงอย่างหนักต่อกรณีการเกลียดชังผู้หญิง ผมจึงเคยมีโอกาสขอให้ทางศาสตราจารย์ศึกษาด้านสตรีช่วยประเมินเนื้อเพลงของผม เมื่อมองย้อนกลับไป ผมคิดหนักเลยว่าผมไม่ได้ให้ความสนใจในประเด็นความเท่าเทียมทางเพศมากเกินไปหรือเปล่า สิ่งที่ผมทำได้จึงเป็นการศึกษาและให้ความสนใจเกี่ยวกับประเด็นเหล่านี้ และแสดงให้เห็นว่าผมพยายามปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นครับ”
SUGA กล่าวให้กำลังใจแก่ผู้ที่เผชิญกับปัญหาสุขภาพจิตและเล่าถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้ตลอดสถานการณ์โควิด “เวลาคนเราเดินผ่านอุโมงค์ เราต้องอาศัยการเดินตามแสงไฟเล็ก ๆ ให้ออกจากอุโมงค์ไปได้ ตอนที่ทัวร์คอนเสิร์ตและตารางงานทั้งหมดถูกยกเลิกลงต่อหน้าต่อตา เราจึงกังวลและรู้สึกหดหู่ ผมจึงเข้าใจเกี่ยวกับ ‘Corona Blue’ มาก ๆ ผมคิดว่าทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจถึงจะเอาชนะสถานการณ์นี้ได้ครับ”
ผมเชื่อว่าทุกตัวเลือกคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่จุดจบแต่อย่างใด ในโลกที่เริ่มต้นใหม่ ขอให้ทุกคนเอ่ยถึงกันและกันว่า ‘Welcome!’ ครับ